Part #01 :
ผลงานเพลงทรงอิทธิพล ‘Begin Again’ ที่ได้ร่วมงานกับอิมชางจอง
Q : หลังจากที่ได้ทำกิจกรรมโปรโมทอัลบั้มที่ 3 ไปเรียบร้อยแล้ว เป็นอย่างไรบ้างคะ?
ผมได้ทำเพลงเสร็จเรียบร้อยแล้วครับ และผมก็ได้เขียนเนื้อเพลงที่เกี่ยวกับเรื่องราวของผมลงไปด้วย ตอนที่ผมอยู่ที่บ้าน ผมก็ทำเพลงอยู่คนเดียว อ่านหนังสือ และหาข้อมูลต่างๆไปด้วยครับ … จริงๆแล้วผมได้ไปเที่ยวเล่นมาด้วยครับ (หัวเราะ) เพราะว่าผมได้ทานของอร่อยๆ มาเยอะมาก น้ำหนักผมเลยขึ้นเป็น 4 กิโลกรัม แล้วครับ เป็นครั้งแรกในชีวิตเลยครับที่ได้เห็นตัวเลขนี้ ฮ่าๆ ผมกินไปพร้อมกับความสบายใจ ให้ความรู้สึกเหมือนผมอยู่ในช่วงเป็นเด็กฝึกเลยครับ ในแต่ละช่วงเวลาที่ผ่านไป ทำให้ผมเติบโตกับการเป็นตัวของตัวเอง และผมก็ได้เข้ารับการฝึกฝนด้านจิตวิทยาเพื่อเปลี่ยนแปลงพื้นฐานความคิดของผมด้วยแหละครับ
Q : ถ้าให้เลือกเพลงที่สื่อถึงตัวเอง
ผมเลือกเพลง “Begin Again” ครับ เพราะเพลงนี้เป็นเพลงที่ผมได้ร่วมงานกับรุ่นพี่อิมชางจองครับ เพลงนี้เป็นเพลงที่มีอิทธิพลมากที่สุดเลยครับ จริงๆแล้วตอนที่พวกเราเลือกเพลงไตเติ้ลกัน ก็มีความคิดที่ว่ามันคงจะดีนะถ้าเพลงนี้จะเน้นไปที่แนวป็อปมากกว่าทรอทบัลลาด แต่มากกว่านั้นผมก็คิดว่าถ้าเป็นสไตล์ที่คนเกาหลีชอบด้วยก็คงจะดี และเพลง “Begin Again” ก็ทำให้ผมคิดว่าผมสามารถให้พลังกับมันได้หลังจากที่ผมได้ทำกิจกรรมในฐานะศิลปิน คิมแจฮวาน วง Wanna One จนได้มาเป็นศิลปินเดี่ยวคิมแจฮวานนั้น ผมก็รู้สึกอยากขอบคุณมากๆเลยครับ เพราะเพลง “Begin Again” คือเพลงที่ดังก้องไปทั่วถนนหลังจากที่ผมได้มาเดบิวต์ในฐานะศิลปินเดี่ยวน่ะครับ (หัวเราะ)
Q : หลังจากที่ได้ร่วมงานกับคุณอิมชางจองแล้ว รู้สึกกดดันบ้างไหมคะ?
จริงๆแล้วมีหลายส่วนมากครับที่ผมพยายามระมัดระวังเพราะว่าเขาเป็นรุ่นพี่น่ะครับ ผมรู้สึกกดดันจริงๆครับเพราะผมอยากทำมันออกมาให้ดี ให้ไม่มีที่ผิดพลาดครับ และเพลงนี้ก็เป็นเพลงโซโล่เดี่ยวที่เด็มไปด้วยเสียงร้องของผม ผมเลยรู้สึกกังวลครับ ถ้าผมย้อนเวลากลับไปได้ ผมคงรู้สึกเสียใจอยู่บ้างแต่ก็เป็นเกียรติมากๆเลยครับที่ได้ร่วมงานกับรุ่นพี่อิมชางจองครับ ตอนที่รุ่นพี่อิมชางจองไกด็ให้ผม ผมยังไม่สามารถลืมเสียงของเขาได้เลยครับ แล้วผมก็ยังได้เรียนรู้ผ่านวิธีต่างๆอีกด้วยครับ ผมรู้สึกดีใจมากๆครับที่ผมได้เริ่มเดบิวต์การเป็นศิลปินเดี่ยวในอัลบั้ม ‘Begin Again’ และที่ได้ร่วมทำงานกับรุ่นพี่อิมชางจองครับ
Q : เริ่มทำเพลงเองได้อย่างไรหรอคะ?
ตอนที่ผมเรียนอยู่ชั้นประถม ผมเริ่มเรียนเปียโนครับ แล้วตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมาผมก็รู้สึกสนุกกับการทำเพลงคนเดียวมาตลอดเลยครับ แล้วหลังจากนั้นผมก็ได้เรียนกีต้าร์ครับ ต่อมาผมก็เล่นได้เองแล้วผมก็ทำเพลงเองตั้งแต่ตอนนั้นเลยครับ หลังจากนั้นผมก็เลยมีความฝันว่าอยากร้องเพลงที่ตัวเองแต่งเองครับ ตอนนี้ผมดีใจเหมือนกับว่าความฝันของผมเป็นจริงแล้วครับ ผมเล่นดนตรีตั้งแต่เพลงบนๆ เขียนเสียงนำเอง และเขียนเนื้อเพลงด้วยตัวเอง ระหว่างที่ผมเขียนเนื้อเพลงไปนั้น ผมคิดว่าบางทีนี่อาจจะทำให้ผมสามารถบอกเล่าเรื่องราวผ่านเนื้อเพลงได้ครับ ผมเองก็คิดว่าตัวเองเริ่มพัฒนาขึ้นเยอะเลยครับ
Q : ยังจำเพลงแรกที่ตัวเองแต่งเองได้ไหมคะ?
เป็นเพลงที่ผมเริ่มแต่งเองเมื่อตอนที่ผมกำลังเตรียมเดบิวต์ในฐานะวงเมื่อตอนผมอายุ 20 ปีครับ ตอนนี้ยังมีคลิปอยู่เลยครับ เป็นเพลงแนวป็อปร็อคและบริตป็อปที่ให้ความรู้สึกเหมือนย้อนกลับไปในสมัยก่อนเลยครับ เพราะตอนนี้ผมกำลังทำอัลบั้มใหม่อยู่ ผมก็เลยอยากจะนำเพลงนี้กลับมาให้มีชีวิตอีกครั้ง แต่ว่าตอนนี้ผมยังกังวลอยู่เลยครับ
Q : ปกติแล้วทำเพลงเองอย่างไรหรอคะ?
เวลาที่ผมที่สิ่งไหนที่จะอยากพูดกับคนอื่น แต่ผมไม่สามารถทำได้ ผมก็จะปลดปล่อยอารมณ์นั้นผ่านการเขียนเนื้อเพลงลงไปครับ ผมจะสามารถสื่อสารทุกอารมณ์ของผมผ่านการเล่นกีต้าร์ ที่ผมเองไม่สามารถพูดมันออกไปเป็นคำพูดได้ และผมจะอัดมันเอาไว้ถ้าผมพอใจกับมันแล้วครับ ถึงแม้ว่าผมจะทำตามคอนเซปต์ที่ได้วางเอาไว้ตั้งแต่แรกแล้วแต่ผมก็จะทำมันอีกครั้ง เมื่อผมได้เข้าไปที่ห้องอัดแล้วก็จะขึ้นอยู่ที่อารมณ์ของผมในตอนนั้นด้วยครับ ผมเป็นพวกประเภททำเพลงผ่านการใช้จินตนาการของผมที่ทำขึ้นมาโดยไม่มีการเตรียมไว้ล่วงหน้าในตอนนั้นด้วยครับ
Q : หาแรงบันดาลใจการทำเพลงจากที่ไหนหรอคะ?
ผมสร้างมันขึ้นมาผ่านจินตนาการของผมในหัวเลยครับ และบางทีผมก็ได้ไอเดียมาจากเพื่อนๆของผมด้วยครับ แต่ผมเองก็รู้สึกว่าความรู้สึกเหล่านั้นที่เพื่อนๆได้พูดออกมาก็เป็นสิ่งเดียวกับที่ผมสามารถหาแรงบรรดาลใจเช่นกันครับ โดยส่วนตัวแล้วเวลาที่ผมดูหนัง ผมไม่ใช่คนที่จะเข้าถึงความรู้สึกลึกซึ้งขนาดนั้นหรอกครับ แต่เพราะว่าผมเริ่มได้เป็นนักแต่งเพลงและก็เริ่มจินตนาการว่าผมเองก็คือตัวเอกในเพลงนั้น นี่แหละครับวิธีการทำเพลงของผม
Q : หลังจากที่ผ่านการทำเพลงมามากมาย ถ้าให้เลือกเพลงที่แต่งออกมาได้ดีที่สุด จะเลือกเพลงไหนหรอคะ?
ถึงแม้ว่าเพลงที่ผมแต่งเองยังมีไม่เยอะเท่าไหร่ แต่ผมก็ชอบทุกเพลงเลยครับ (หัวเราะ) แต่ถ้าให้เลือกแค่เพลงเดียว ผมคงจะเลือกเพลง ‘Pray’ ครับ เพลงนี้เป็นแนวสื่อถึงพระเจ้าครับ เป็นเพลงที่ผมอ้างอิงมาจากคัมภีร์ไบเบิ้ลหลังจากที่ผมได้ไปโบสถ์มาครับ เพลงนี้ผมเริ่มเขียนทันทีหลังจากที่ผุดเข้ามาในหัวหลังจากที่ผมได้ฟังบทสวดครับ และเพลงนี้ก็ยังเป็นเพลงที่เต็มไปด้วยความหมายดีๆและเติมเต็มเรื่องราวเกี่ยวกับความยากลำบากในช่วงโควิดนี้ด้วยครับ ผมยกให้เพลงนี้เป็นเพลงโปรดของผมเท่าๆกับที่ได้ให้พลังกับผมเลยครับ และผมก็ยังชอบเพลงไตเติ้ล ‘I Wouldn’t Look For You’ ที่เป็นเพลงในมินิอัลบั้มที่3ของผมด้วยครับ
Part #02 :
จากศิลปินวง Wanna One สู่ศิลปินเดี่ยว..
“อยากให้ผู้คนยอมรับในผลงานเพลงของผม“
Q : คิดว่าจุดแข็งของเพลงตัวเองคืออะไรหรอคะ?
อย่างแรกเลยครับ เสียงนำของผมก็โอเคนะ (หัวเราะ) เพราะว่าเสียงของผมกว้าง เลยทำให้ผมสามารถเขียนเนื้อเพลงง่ายขึ้น แล้วผมก็สามารถดึงเสียงแอดลิปทั้งหมดได้อีกด้วยครับ เพราะจุดนี้เลยทำให้ผมรู้สึกสบายๆมากครับ แล้วผมก็รู้สึกมั่นใจมากๆด้วยเพราะว่าเสียงของผมเหมาะกับเสียงนำที่สุดแล้วครับ
Q : เห็นจากที่คุณได้เริ่มทำเพลงเองแล้ว คงจะมีช่วงเวลาที่ติดขัดด้วยใช่ไหมคะ?
แน่นอนอยู่แล้วครับว่าต้องมีช่วงเวลาคิดไม่ออก การทำงานคนเดียวนั้นไม่ง่ายเลยครับ ถ้าผมได้เริ่มคิดเยอะแล้วผมจะไม่สามรถทำเพลงได้เลยครับ แต่ถ้าผมได้เจอพวกพี่ๆที่ผมได้เคยร่วมงานด้วย พวกเราก็จะได้คุยกันปรึกษากัน ผมก็สามารถทำเพลงให้เสร็จได้ครับ แต่ถ้าผมได้ทำงานคนเดียวแล้ว ก็จะมีความรู้สึกที่ผิดหวังอยู่บ่อยมากแล้วผมก็จะออกจากตรงนั้น แล้วค่อยกลับมาทำงานอีกครั้งครับ แต่จริงๆแล้วเดี๋ยวนี้มีคนไม่เยอะเท่าไหร่หรอกครับที่จะสามารถทำเพลงเองได้เสร็จสมบูรณ์ 100% หรอกครับ สำหรับผมแล้ว ผมรู้สึกว่ามันสนุกและผมพอใจที่จะทำเพลงครับ
Q : หลังจากการโปรโมทในฐานะศิลปินวง Wanna One ได้จบลงไปแล้ว มีเรื่องกังวลใจหลังจากที่ได้เดบิวต์ในฐานะศิลปินเดี่ยวไหมคะ?
ผมเตรียมตัวในการเดบิวต์แบบไม่คิดมากเลยครับ เพราะผมอยากแสดงให้เห็นในฐานะศิลปินเดี่ยว ผมเลือกเพลงที่คิดว่าดี และถ้าเป็นเพลงเต้น ผมก็จะเลือกเพลงที่เหมาะสมกับการเต้น แล้วก็จะเต้นมันออกมาแค่นั้นครับ ผมคิดว่าในอนาคตผมก็จะยังคงทำแบบนี้ครับ เล่นกีต้าร์ ร้องเพลงบัลลาด และการเต้นเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นมากครับ ผมอยากโชว์ภาพลักษณ์ของผมเพื่อให้ทุกๆคนได้รู้สึกสนุกไปกับผมครับ เพราะว่าจะไม่มีใครสามารถรู้ได้ครับว่าเพลงนั้นที่ปล่อยมาจะออกมาดีไหม เพราะฉะนั้นผมก็จะโฟกัสที่จะโชว์ภาพลักษณ์ขณะที่ทำกิจกรรมอยู่ที่แตกต่างออกไปครับ
และจนมาถึงตอนนี้ ผมก็ยังคงรักษาภาพลักษณ์ “นักดนตรีที่สามารถร้องเพลงเพราะ” อยู่ครับ จริงๆแล้วผมก็ยังไม่รู้เลยครับว่าผมจะสามารถไปออกรายการ Produce 101 และสามารถเดบิวต์ในฐานะศิลปินเดี่ยวได้ ถ้าผมสามารถย้อนเวลากลับไปได้ ผมอยากจะเปลี่ยนแปลงมันครับ (หัวเราะ) ผมแค่รู้สึกดีมากครับที่ได้อยู่ตรงนี้ ผมคิดว่าผมสามารถที่จะเจอโอกาสดีๆได้อีกครั้ง ถ้าผมยังคงทำแบบนี้อยู่ครับ และเมื่อเวลานั้นมาถึง ผมก็อยากที่จะเพิ่มโอกาสด้วยความสามารถของผมและสนุกไปกับการทำเพลงแบบนี้ครับ
Q : ถ้าให้เปรียบเทียบกับการเตรียมตัวตอนเดบิวต์ คิดว่ามีการเปลี่ยนแปลงอะไรไปบ้างหรอคะ?
เมื่อตอนที่ผมอายุ 20 ปี ผมไม่มีเงินสำรองเลยครับ ผมใช้ชีวิตในแนวคิดที่ว่าถ้าใช้เงิน 10,000 วอน เป็นการสิ้นเปลืองมากครับ แต่สำหรับตอนนี้ผมมีเงินพอที่จะสามารถซื้อสิ่งของได้แล้วครับ บางทีอาจจะเป็นเพราะว่าผมเคยใช้ชีวิตแบบยากลำบากมาก่อนและผมก็ไม่อยากกลับไปใช้ชีวิตแบบนั้นแล้วครับ ตอนนี้ผมมีความสุขที่ผมที่เงินเหลือพอสมควรครับ แต่ผมไม่ได้อยากเป็นคนโลภหรอกนะครับ เพราะผมแค่อยากทำเพลงออกมาให้ดีที่สุดเพราะผมคิดว่านี่คือความโชคดีของผม มันไม่เหมือนกับว่าผมทำเพลงเพื่ออะไร แต่ผมแค่คิดว่าผมทำเพลงเพราะมันเป็นตัวของผมเองที่รู้สึกสนุกไปกับมัน และผมก็มีความคิดที่ว่า ผมรู้สึกได้ผ่อนคลายและได้ปลดปล่อยมันออกมา
จริงแล้วๆ สำหรับผมการที่จะมาถึงจุดนี้ได้ ผมต่อสู้กับตัวเองมาเยอะพอสมควร และผมก็ยังอยู่ในการแข่งขันเหล่านั้นอยู่และดันตัวเองขึ้นมา แล้วผมก็ยังคิดว่าจะทำยังไงให้ตัวเองมีสุขภาพที่แข็งแรงขึ้น และใช้ชีวิตที่ดีขึ้นอีกด้วยครับ การใช้ชีวิตอย่างมีความสุขเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดไม่ใช่หรอครับ? เพราะฉะนั้นความสุขของผมก็คือดนตรีครับ และผมก็ไม่คิดว่าจะมีอย่างอื่นที่ยิ่งกว่านั้นอีกแล้วล่ะครับ เพราะงั้นผมก็จะทำเพลงเพื่อตัวผมเองอย่างมีความสุขอีกต่อไปครับ
Q : เพราะฉะนั้นช่วงนี้เลยให้ความสำคัญกับการจัดการทางด้านจิตใจอยู่ใช่ไหมคะ?
ผมเคยคิดว่าผมมีความสุขภาพสมดุลในด้านความคิด แต่พอผมได้ขึ้นไปแสดงบนเวทีแล้วผมยังคงขาดในจุดๆนั้นอยู่และยังมีบางจุดที่ผมยังคงไม่รู้เกี่ยวกับในตัวผมเองอยู่ครับ เพราะบางทีผมก็อยากที่จะเรียนรู้เกี่ยวกับตัวเองให้มากขึ้น ผมก็เลยจะเริ่มค้นหาตัวเองแล้วถามตัวเองให้มากขึ้นครับ และร่างกายก็สำคัญครับ แต่ผมคิดว่าสุขภาพจิตนั้นสำคัญกว่าครับ ดังนั้นผมก็เลยให้ความสำคัญกับสุขภาพจิตของผมมากขึ้นอยู่เรื่อยๆครับ รวมไปถึงบุคลิกภาพของผมที่ยังคงขี้ระแวงในตัวคนอื่นอยู่นั้น ผมก็อยากที่จะขจัดมันเพื่อที่จะได้ทำเพลงของผมต่อไปได้ครับ
Q : ตามที่กล่าวไปข้างต้นว่าอยากให้เพลงที่ตัวเองแต่งเป็นที่โด่งดัง
แน่นอนครับว่าถ้าเป็นไปได้ก็จะดีมากๆเลยครับ แต่ผมก็ไม่อยากที่จะหวังมากไปหรอกครับ เพราะล่าสุดผมเพิ่งได้คาดหวังมากๆกับมันไป แต่ตอนนี้ผมรู้สึกตกลงมาเพราะความโลภมากของผมเองครับ ผมรู้สึกว่าการคาดหวังอะไรมากไปมันก็จะกัดกินผมเข้าไปด้วย เพราะฉะนั้นผมเลยไม่มีความคิดแบบนั้นแล้วล่ะครับ ผมคิดเพียงแค่ว่ามันคงจะดีมากนะถ้าเพลงนั้นได้เป็นเพลงที่โด่งดัง แต่ตอนนี้ผมเองก็ยังสงสัยเหมือนกันนะครับว่าเพลงที่เขาทำนั้นโด่งดังกัน เขาจะมีความรู้สึกยังไงกันนะ (หัวเราะ)
Part #03 :
จุดเปลี่ยนของชีวิตในฐานะศิลปินเดี่ยว..
“ฝันที่จะเป็นนักร้องจานเด็ด”
Q : ถ้าให้เลือกจุดเปลี่ยนในชีวิตของการเป็นนักร้อง
ผมคิดว่าการเดบิวต์ในฐานะศิลปินเดี่ยว เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมานั้นคือจุดเปลี่ยนในชีวิตของการเป็นนักร้องเลยครับ เมื่อตอนผมยังเด็กๆ ผมจะมีช่วงเวลาที่ผมดูตัวเองแล้วก็รู้สึกผิดหวังกับตัวเอง รวมไปถึงการได้รับคำตำหนิจากคนรอบข้างด้วยครับ แต่เมื่อไม่นานมานี้ ผมเปลี่ยนความคิดแล้วครับ “ความฝันของฉันเป็นจริงแล้วนะ ยังจะรู้สึกผิดหวังกับตัวเองอยู่อีกหรอ?” และในตอนนั้น ผมก็ได้รับพลังมากมายที่ทำให้ผมได้พัฒนาความสามารถของผมเอง เพื่อที่จะได้ไปแสดงความสามารถนี้ในฐานะศิลปินเดี่ยวต่อไปครับ
จริงๆแล้ว ตอนที่ผมทำกิจกรรมโปรโมทในวง Wanna One กับสมาชิกเก่งๆ อีก 10 คนนั้น ผมสูญเสียความมั่นใจไปเลยครับ ผมรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่ยากในการทำเพลง ผมคิดว่า “ฉันยังขาดอะไรไปอีกเยอะเลยนะ” แต่หลังจากนั้นผมก็ค่อยๆรู้สึกดีขึ้น สบายใจมากขึ้นและตอนนี้รู้สึกอยากขอบคุณมากๆเลยครับ ช่วงนี้ผมก็ได้กลับไปดูการแสดงบ้างเป็นบางครั้ง ก็เหมือนผมได้ย้อนความทรงจำเลยครับ รู้สึกดีมากๆครับ (หัวเราะ)
Q : หลังจากที่ได้ลองแต่งเพลงเองดูไปแล้ว มีความคิดที่อยากจะเรียบเรียงเพลงใหม่ดูบ้างไหมคะ?
เผมยังไม่มีความคิดที่จะเรียบเรียงเพลงใหม่เลยครับ เพราะมีหลายคนมากครับที่เค้าทำออกมาได้ดี แต่ผมมักจะเรียบเรียงเพลงผ่านการเล่นกีต้าร์ ซึ่งมันก็จะใช้เวลานานกว่าใช้ MIDI ที่ทำออกมาได้ดีกว่าครับ ถึงแม้ว่าจะสามารถร่างออกมาได้ทั้งหมด แต่ผมคิดว่ามันคงยากสำหรับผมที่จะทำออกมาให้ดีที่สุดได้ครับ แต่ถึงยังไงผมก็จะพัฒนาในการร่างมันออกมาในอัลบั้มใหม่ที่ผมกำลังเตรียมอยู่ครับ เพราะฉะนั้นผมเลยคิดว่าผมคงที่จะสามารถเข้ารว่มในการเรียบเรียงเนื้อเพลงใหม่สำหรับอัลบั้มนี้ได้ครับ แต่ยังไงแล้วก็ผมก็เป็นคนที่ชอบมีส่วนรวมในการทำงานในบางส่วนกับคนที่เขาได้มาทำงานร่วมกับผมให้ได้มากที่สุดจนถึงวันที่อัลบั้มเลยครับ
Q : หลังจากที่ได้ออกอัลบั้มมา มีอัลบั้มไหนที่รู้สึกพึงพอใจที่สุดบ้างไหมคะ?
ผมคิดว่าอัลบั้มถัดไป จะเป็นอัลบั้มที่ผมรู้สึกพึงพอใจที่สุดเลยครับ (หัวเราะ) มากไปกว่านั้นอัลบั้มถัดไปจะออกมาดีมากๆ เลยล่ะครับ ผมพูดก็เพราะว่าอยากให้ทุกคนตั้งตารอคอยกับอัลบั้มถัดไป เพราะผมรู้สึกว่าเรื่องราวตั้งแต่ปีนี้จะไปปรากฎอยู่ในอัลบั้มใหม่นี้ด้วยครับ ทุกครั้งที่ผมได้ปล่อยอัลบั้มออกมานั้น ผมก็จะทำเหมือนกับว่าผมกำลังเขียนไดอารี่อยู่ครับ แล้วผมก็จะลองเก็บความคิดต่างๆ ของผมลงไปในเพลงเหล่านั้นครับ
Q : ในฐานะศิลปินเดี่ยวนั้น ได้ปล่อยมินิอัลบั้มออกมาแล้วเป็นระยะเวลา 2 ปี ไม่ทราบว่ามีแพลนที่จะปล่อยอัลบั้มเต็มบ้างไหมคะ?
ผมได้ยินแบบนี้แล้วอยากทำอัลบั้มเต็มเลยครับ ฮ่าๆ จริงๆแล้วปกติผมจะทำเพลงแบบทีละเพลงครับ เลยใช้เวลาค่อนข้างนานพอสมควร และมันก็ไม่ง่ายเลยครับที่จะทำอัลบั้มเต็มออกมา ในบางเวลา เป้าหมายของผมก็คือปรากฏตัวบนเวทีให้ทุกคนได้เห็นกันเร็วๆ เพราะฉะนั้นผมเลยลองพยายามค่อยๆคิดแบบช้าๆเกี่ยวกับอัลบั้มเต็มครับ และในความเป็นไปได้นั้น ถ้าหากผมทำเพลงทั้งหมดเสร็จเรียบร้อยแล้ว แล้วกำลังเตรียมตัวสำหรับอัลบั้มเต็มนั้น ก็คงจะรู้สึกกดดันอยู่ไม่น้อยเลยล่ะครับ
Q : ในอนาคตอยากทำเพลงแนวไหนหรอคะ?
ถ้าพูดถึงแนวเพลงแล้ว เพลงก็คือเกมสนุกๆอย่างนึงครับ เป็นเหมือนบางอย่างที่เรารู้สึกสนุกไปกับมันครับ ก็เหมือนกับตอนที่ผมยังเด็กๆ ครับ ผมก็มักจะหาอะไรใหม่ๆ ทำแล้วก็อยากรู้สึกสนุกไปกับมันครับ เพราะฉะนั้น ผมก็อยากที่จะลองและดึงแนวเพลงใหม่ๆ ออกมาดูครับ และผมก็มีความคิดที่อยากจะแสดงเพลงเก่าๆ ที่ผมเคยแสดงไปอีกครั้งดูด้วยครับ
ผมเชื่อว่าการรู้สึกสนุกสนานไปกับดนตรีนานๆเป็นเรื่องที่สำคัญมากครับ มันเหมือนกับว่า เราจะไม่สามารถทำเพลงได้เลย ถ้าเราเอาแต่ใส่ใจกับความคิดของคนอื่น เพราะฉะนั้นนี่แหละครับเหตุผลที่ทำไมเวลาแฟนๆ ฟังเพลงของผมแล้วทุกคนก็จะรู้สึกเหมือนกับว่า “คนนี้เค้าได้ทำสิ่งที่เขารักจริงๆสินะ” ผมอยากให้ทุกคนสามารถคิดว่าตัวเองก็คือศิลปินคนนึงด้วยครับ มากกว่าการที่ได้เป็นนักร้องที่แน่นอนแล้วนั้น ผมก็อยากที่จะให้คนทั่วไปเห็นผมตอนที่ผมกำลังแสดงอะไรบางอย่างอยู่แล้วพูดว่า “เขานี่แหละคือนักร้อง” ช่วงเวลาเหล่านั้นคงช่วยผมได้ดีเลยล่ะครับ
Q : แพลนในการโปรโมทกิจกรรมในปีหน้าคืออะไรหรอคะ?
คือการปล่อยอัลบั้มถัดไปครับ ก็ไม่มีอะไรไปมากกว่านี้หรอกครับ แล้วผมก็อยากที่จะสุขภาพแข็งแรงขึ้น ไม่เจ็บไม่ป่วย และหวังว่าความคิดของผมจะแข็งแรงขึ้นเหมือนร่างกายของผมที่จะแข็งแรงขึ้นด้วยเช่นกันครับ ตอนนี้ผมกำลังรักษาสุขภาพเพื่อชีวิตที่แข็งแรงอยู่ครับ
Q : อะไรคือเป้าหมายสูงสุดของการเป็นนักร้องหรอคะ?
ผมอยากเป็นนักร้องที่มีของดีซ่อนเอาไว้เยอะเวลาที่คนย้อนกลับมาดูน่ะครับ ผมหวังว่าผู้คนจะฟังเพลงของผมขณะที่ผมกำลังซ่อนของดีเอาไว้อยู่ (หัวเราะ) ผมอยากเป็นนักร้องที่มีเพลงให้ผู้คนได้ฟังก่อนนอนตอนที่อยู่คนเดียว หรือว่าเป็นเพลงที่สามารถฟังได้เรื่อยๆเพื่อผ่อนคลายอยู่ที่บ้านน่ะครับ มากกว่าการได้เป็นเพลงฮิตที่โด่งดัง ผมก็อยากเป็นนักร้องอาหารจานเด็ด (นักร้องเจ๋งๆ) ที่มีของดีซ่อนอยู่มากมายที่ผู้คนนำไปบอกต่อกันปากต่อปากน่ะครับ ผมจะตั้งใจทำงานอย่างหนักเพื่อไม่ให้รสชาตินั้นหายไป และในเวลาเดียวกันผมก็จะคอยแสดงเมนูใหม่ๆ ผู้คนได้เห็นกันด้วยครับ
Q : เมื่อวันที่ 20 ที่ผ่านมา เป็นวันครบรอบ 2 ปี ที่ได้เดบิวต์ในฐานะศิลปินเดี่ยว รู้สึกอย่างไรบ้างหรอคะ?
ผมได้เดบิวต์ในฐานะศิลปินในวงและยังครบรอบ 2 ปีในฐานะศิลปินเดี่ยวอีกครั้ง ผมรู้สึกทั้งใหม่และรู้สึกสดชื่นมากๆเลยครับ เพราะผมยังคงเป็นน้องใหม่ และรู้สึกเหมือนว่าผมเองก็เพิ่งที่จะเริ่มเป็นนักร้องเดี่ยวเมื่อไม่นานมานี้ เพราะฉะนั้นยังมีอะไรอีกมากมายสำหรับผมครับที่จะสามารถเติมโตและพัฒนาไปได้อีก ผมอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดีและสภาพสภาวะที่ดี ที่จะสามารถทำให้ผมประสบความสำเร็จในอนาคตได้ครับ ผมรู้สึกขอบคุณทุกคนมากๆเลยครับที่มาแสดงความยินดีกับผม ผมจะเป็นศิลปินที่โชว์ด้านต่างๆ ให้ทุกคนได้เห็นมากกว่าการพูดเฉยๆ ครับ
Original Interview from : News1 I-MADE
Thai Translate by : 24jaymoon
Source :
– Part 1 : https://n.news.naver.com/entertain/article/421/0005380043
– Part 2: https://n.news.naver.com/entertain/article/421/0005380042
– Part 3: https://n.news.naver.com/entertain/article/421/0005380044
Leave A Comment
You must be logged in to post a comment